ปลูกต้นไม้ ยุคไดโนเสาร์
• ชวน ปลูกต้นไม้ ยุคไดโนเสาร์ ที่มีชื่อว่า “เบาบับ”
• “เบาบับ” ต้นไม้พันธุ์แปลก อายุยืนยาวนับ 1,000 ปี
• สรรพคุณมากมาย เช่น ใช้ทำเป็นยา เครื่องสำอาง และหากทำเครื่องดื่มจะมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 6 เท่า เชียวล่ะ
• มีสารป้องกันอนุมูลอิสระมากกว่าใบมะรุมหลายเท่า หลายคนจึงเริ่มหันมาศึกษา และเพาะปลูกเป็นอาชีพ
“ต้นไม้ยุคไดโนเสาร์” สงสัยกันไหมคะว่าหน้าตามันเป็นแบบไหน รูปร่างอย่างไร แล้วทำไมถึงเรียกว่าต้นไม้
ยุคไดโนเสาร์ เหตุเพราะต้นไม้ที่ว่านี้มีอายุนับพันปี และมีสรรพคุณมากมายอีกด้วยค่ะ อยากรู้ไหมคะว่าต้นไม้ที่ว่ามานี้มีชื่อว่าอะไร ชื่อของมันคือ “เบาบับ” จะมีความมหัศจรรย์ขนาดไหน ตาม Gurubaan ไปทำความรู้จักกันเลยดีกว่าค่ะ
รู้จักกับต้นเบาบับ
ต้นเบาบับ ไม่ได้เป็นเพียงต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างไร้ค่า แต่ในทางกลับกันเป็นต้นไม้ที่มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่คนแอฟริกัน เนื่องจากทุกส่วนของต้นเบาบับสามารถนำมาใช้ประโยชน์แก่มนุษย์ได้ กล่าวคือ ใบ ใช้รับประทานทั้งในรูปของผักสด หรือเป็นส่วนผสมที่สำคัญของอาหารประเภทต้ม (Stew) เพื่อบำรุงร่างกาย บำรุงผิว และยังมีสารป้องกันอนุมูลอิสระมากกว่าใบมะรุมหลายเท่า ส่วนเนื้อของผลมีลักษณะคล้ายเนื้อในมะขามเทศ มีสีขาว รสเปรี้ยวคล้ายลูกหยี นำมาทำเครื่องดื่มที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 6 เท่า และมีสรรพคุณทางยาสูงมาก จนทางตลาดร่วมยุโรปอนุญาตให้นำไปผสมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้แก่มนุษย์ได้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญ เพราะตัวมันเองเป็นไม้เนื้ออ่อน จะดูดน้ำเก็บเอาไว้ทุกส่วนของลำต้นได้มากในช่วงฤดูฝน บางต้นสามารถเก็บได้มากถึง 120,000 ลิตร ซึ่งในฤดูแล้งจัดน้ำจะหายาก ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กึ่งทะเลทราย ก็จะอาศัยน้ำจากเบาบับมาทดแทนได้ค่ะ มหัศจรรย์สุดๆ เลยใช่ไหม!!
ประโยชน์จากส่วนต่างๆ
1.เมล็ด
ใช้รับประทานสดๆ คั่วแทนกาแฟ หรือนำไปเพาะให้งอกแล้วจึงรับประทานเป็นผักสดเช่นเดียวกับถั่วงอก น้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอางเพื่อบำรุงผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นง่าย กระตุ้นให้เกิดผิวใหม่มาทดแทนโดยเร็ว และไม่ทำให้ต่อมตามรูขุมขนอุดตัน น้ำที่บีบออกมาจากราก และลำต้นมีคุณสมบัติเป็นยาชูกำลัง แก้ร้อนใน แก้โรคมาลาเรีย โรคกระเพาะ เป็นต้น
2.เปลือกรอบต้น
จะมีเส้นใยที่มีความเหนียว สามารถถากเอาส่วนที่เป็นเปลือกรอบนอกของต้นเพื่อนำมาทำเป็นเชือก ทอเสื่อ แห อวน หรือทำกระดาษได้ แม้ว่าจะถากเอาเปลือกออกมาใช้แล้ว แต่ต้นเบาบับก็ยังไม่ตาย และที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือ มันสามารถสร้างเปลือกขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนส่วนเดิมที่ถูกถากออกไป ว้าววววววว… อเมซิ่งสุดๆ !!!
3.ใบ
ใช้รับประทานทั้งในรูปของผักสด หรือเป็นส่วนผสมที่สำคัญของอาหารประเภทต้ม (Stew) มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงผิว พร้อมทั้งมีสารป้องกันอนุมูลอิสระมากกว่าใบมะรุมหลายเท่า
4.เนื้อของผล
ลักษณะคล้ายเนื้อในมะขามเทศ เป็นปุยสีขาว คนแอฟริกันเรียกว่า ขนมปังลิง (Monkey’s bread) มีรสเปรี้ยวคล้ายลูกหยี นำมาทำเครื่องดื่มที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 6 เท่า และมีสรรพคุณทางยาสูงมาก จนทางตลาดร่วมยุโรปอนุญาตให้นำไปผสมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้แก่มนุษย์ได้
การเพาะเบาบับ
• การเพาะเมล็ด เนื่องจากเมล็ดเบาบับมีเปลือกหนาและแข็งมาก เราสามารถใช้วิธีขัดเมล็ดกับกระดาษทราย หรือตะไบขัดเล็บ เพื่อช่วยลดความหนาของเปลือกที่หุ้มเมล็ดได้ค่ะ เวลาขัดเมล็ดให้ขัดจนเห็นเนื้อขาวด้านใน อย่าขัดลงไปลึกมากกว่านั้น นอกจากนี้สามารถใช้วิธีบีบเปลือกให้แตกก็ได้ค่ะ
• หลังจากนั้นให้นำไปแช่ในน้ำอุ่น 24 ชม. วางทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำลงปลูก อัตราการงอกของเบาบับค่อนข้างต่ำ และช้า อาจต้องใช้เวลา 3-4 เดือน กว่าเมล็ดจะงอก ส่วนดินปลูก สามารถใช้ดินปลูกต้นไม้ทั่วไปได้เลยค่ะ เพิ่มความโปร่งของดินด้วยเพอไลท์ หินภูเขาไฟ หรือทรายหยาบก็ได้ เวลาเพาะให้ฝังเมล็ดลงดินประมาณ ½ นิ้ว รดน้ำ และวางกระถางเพาะเมล็ดในที่อบอุ่น มีแสงแดดรำไร
• เมื่อวางกระถางเพาะเมล็ดในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว รดน้ำให้ชื้นสม่ำเสมอ แต่อย่าให้แฉะนะคะ เพราะจะทำให้เมล็ดเน่าได้ หลังจากเมล็ดงอกขึ้นเหนือดินแล้ว ไม่ต้องแกะเปลือกที่หุ้มใบออกค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเจ้าต้นเบาบับที่เรานำเสนอไป นอกจากจะเป็นต้นไม้ที่มีมานานแล้ว ยังมีสรรพคุณมหัศจรรย์อย่างหลากหลายอีกด้วย เพราะสามารถนำทุกส่วนของต้นไปใช้เป็นอาหาร ของใช้ และยาสำหรับมนุษย์ได้ และนี่จึงเป็นอีกสาหนึ่งสาเหตุที่คนเริ่มหันมาปลูกเจ้าต้นเบาบับไว้เพื่อเพาะขายค่ะ
เรียบเรียงโดย ลิ้นชัก
หนูเป็นเหมือนลิ้นชักกักเก็บความรู้และ พร้อมที่จะเปิดออกมาเพื่อบอกเคล็ดลับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดสวน ฮวงจุ้ย หรือเรื่องมุมต่างๆภายในบ้าน การตกแต่งแบบ DIY เพียงแค่คุณเปิดมัน ความรู้ต่างๆ ที่อยู่ภายในลิ้นชักก็จะค่อยๆ ผุดออกมา เพื่อคลายความสงสัยและเพิ่มไอเดียให้กับทุกคน
